วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

10 เมนูควรเลี่ยงช่วงหน้าร้อน เสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหาร



กรมควบคุมโรคเตือนประชาชนเลือกกินอาหารในช่วงร้อนนี้ แนะกินอาหารที่ปรุงสุก ห้ามกินของสุก ๆ ดิบ ๆ พร้อมเปิดรายชื่อ 10 เมนูเสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหาร

                   วันที่ 8 เมษายน 2558 นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) เผยว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์นี้ ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางออกต่างจังหวัด อาจทำให้พ่อค้า-แม่ค้า มีการกักตุนอาหารหรือเตรียมอาหารไว้เพื่อขายในช่วงสงกรานต์ แต่เนื่องด้วยช่วงนี้สภาพอากาศร้อนจัดอาจทำให้อาหารบูด-เสียได้ง่าย 



                   โดยจากข้อมูลรายงานการเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา คร. ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม-29 มีนาคม 2558 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ 30,259 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง 247,212 ราย เสียชีวิต 3 ราย ที่ผ่านตลอดทั้งปี 2557 พบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ 134,516 ราย เสียชีวิต 1 ราย และพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง 1,106,900 ราย เสียชีวิต 8 ราย 

                   ดังนั้นในช่วงหยุดฉลองเทศกาลสงกรานต์ 11-15 เมษายน 2558 นี้ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานอาหารและน้ำดื่ม ทั้งที่ปรุงเองที่บ้าน สั่งซื้อ หรือออกไปรับประทานอาหารตามร้าน ควรรับประทานอาหารเฉพาะที่ปรุงสุกใหม่ อาหารทะเลก็ขอให้ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการปรุงโดยวิธีลวกหรือพล่าสุก ๆ ดิบ ๆ ส่วนอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หมู ไก่ และไข่ ควรปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง ไม่รับประทานแบบสุก ๆ ดิบ ๆ นอกจากนี้อาหารถุง อาหารกล่อง ควรแยกกับข้าวออกจากข้าว และควรรับประทานภายใน 2- 4 ชั่วโมงหลังจากปรุงเสร็จ





                   สำหรับเมนูอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินอาหาร มีดังนี้

                   ลาบ/ก้อยดิบ 
                   ยำกุ้งเต้น 
                   ยำหอยแครง 
                   ข้าวผัดโรยหน้าเนื้อปู 
                   อาหารหรือขนมที่มีส่วนประกอบของกะทิ
                   ขนมจีน 
                   ข้าวมันไก่ 
                   ส้มตำ 
                   สลัดผัก 
                   น้ำแข็งที่ไม่ได้มาตรฐาน



ทั้งนี้สำหรับผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วงจะมีอาการอาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลวบ่อยครั้ง อาจมีไข้ สำหรับการดูแลในเบื้องต้น ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อซ่อมแซมการเสียน้ำ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์ใกล้บ้าน

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://health.kapook.com/view116615.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น